วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555


10.วิธีจับพลังพระเครื่อง


1. การตรวจพุทธคุณพระเครื่อง

เริ่มแรกทีเดียวนั้น ผมได้มีโอกาสรู้จักกับการสัมผัสพลังพระเครื่องจาก
อ.ตาที่สามเมื่อขณะที่ท่านดึงพลังจากพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่ผมได้นำไป ทดสอบ ท่านได้แนะนำให้ผมเอามือไปอยู่เหนือ พระเครื่องหรือวัตถุมงคลนั้น ๆ ผลที่ได้รับคือ เมื่อน้อมจิตเข้าไปจดจ่อ ทำสมาธิสักครู่ก็จะได้รับความรู้สึกที่แตกต่างกันไป เช่น เย็นที่นิ้วบ้าง ปลายนิ้วชา ๆบ้าง ปลายนิ้วมีความรู้สึกซ่า ๆ บ้าง หน้าผากกระตุกบ้าง ผมสังเกตดูว่า ความรู้สึกที่ได้รับนี้ ขึ้นอยู่กับวัตถุมงคลที่เราได้สัมผัสถ้าคงกระพัน ก็จะรู้สึกอีกแบบหนึ่ง แคล้วคลาดก็จะรู้สึกอีกแบบหนึ่ง เมตตาก็จะรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ฯลฯ แต่ผมจะไม่บอกว่า ถ้าปลายนิ้วชา หรือซ่า หรือเย็น ฯลฯ จะมีพุทธคุณในด้านใด เพราะจะทำให้เกิดอุปทาน แก่ผู้ที่นำไปทดลอง จิตใคร ก็จิตมันครับ เช่นบางท่าน วัดพลังกันที่หลักร้อยเมตร บางท่านก็วัดพลังกันที่หลักสิบเมตร ผมเองได้อ่านเจอในนิตยสาร ล. ซึ่งมีการพูดถึงการใช้พลังชี่กง ในการรักษาโรค ผมเองก็เคยสัมผัสพลังที่ผู้เขียน ส่งมาให้ทางโทรศัพท์ (จาก กรุงเทพฯ มา เชียงใหม่) ผมได้อ่านเจอข้อความหนึ่งในการฝึกคือการใช้ฝ่ามือสองข้างหันเข้าหากัน แล้วค่อย ๆ ดึงเข้า ออก ช้าๆ
จะเกิดความรู้สึกว่า มือทั้งสองมีแรงดูดเข้าหากัน หลังจากผมได้ทดลองแล้ว รู้สึกว่าเป็นผลังดันมือออกจากกันแหะ ไม่เห็นดูดเลย (ก็บอกแล้วไงครับ จิตใครก็จิตมัน) เหมือนเอาแม่เหล็กแท่งเดียวกันแต่หักออก แล้วเอามาต่อกันใหม่ครับ จะเกิดการดันกันขึ้นครับจากนั้น ก็ได้หนังสือ สุขภาพแข็งแรงด้วยวิชา ชี่กง ที่แจกฟรีในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ผ่านมาในกระบวนท่ายืนอรหันต์ขจัดโรคและเสริมสุขภาพ จะอธิบายถึงท่าดึงพลังอยู่ด้วย โดยการใช้ฝ่ามือดันเข้าหากัน และดึงออกจากกัน เมื่อฝึกบ่อย ๆ นิ้วมือและฝ่ามือจะมีพลัง และมีกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมเองได้ทดลองทำบ่อย ๆ จนสามารถกำหนดพลังที่เกิดขึ้นระหว่างฝ่ามือ ให้เป็นลูกกลม ๆ เหมือลูกฟุตบอลได้และสามารถทำได้เร็วขึ้น จากนั้นเมื่อคุ้นเคยกับพลังบนฝ่ามือแล้ว เมื่อเรานำฝ่ามือไปอยู่เหนือวัตถุมงคลก็จะสามารถรับพลังของวัตถุมงคลนั้นได้ ว่ามีพุทธคุณในด้านใดครับ

2.การวัดว่าพลังของวัตถุมงคลมีรัศมีกี่เมตร

อันนี้ ผมใช้ดาวแม่เนื้อหอม เป็นเกณฑ์ในการวัด ซึ่งได้ให้ ท่านตาที่สามตรวจสอบ ได้พลังสี่ร้อยกว่าเมตร ผมปัดเศษไปห้าร้อยเมตรแล้วกัน ระยะระหว่างที่เกิดแรงดันดาวแม่เนื้อหอม จนถึงฝ่ามือผมวัดได้ห้านิ้ว ผมก็เอาเป็นเกณฑ์ว่า 1 นิ้ว คือ 100 เมตร เช่น เอาฝ่ามือไปลอยอยู่เหนือวัตถุมงคล ถ้ามีแรงดันที่สัมผัสได้ชัดเจน กดไม่ลง มีระยะห่าง 2 นิ้ว ก์คือ วัตถุมงคลนั้น ๆ มีรัศมี 200 เมตรนั้นเอง

3. การดูรังสีออร่า

อันนี้ได้มาแบบฟลุ๊คครับ จากการที่ผมได้ไปงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิตที่ผ่านมาผมได้หินฑิเบตมาจำนวน หนึ่ง มาลองจับพลังแล้วปรากฏว่าจับพลังไม่ได้เลย จนผมต้องหาที่สงบ ๆเปิดโคมไฟอ่านหนังสือ ส่องมายังหินฑิเบต เมื่อตั้งจิตที่เป็นสมาธิ แล้วใช้ฝ่ามือตรวจ ก็รับพลังได้แรงพอสมควรแต่ต้องใช้สมาธิมากหน่อย จากการที่เพ่งหินฑิเบตนาน จึงเคืองตา ผมเลยหลับตา ปรากฏว่า เกิดภาพหินฑิเบตในขณะที่ผมหลับตา แล้วมีแสงสีเขียว และฟ้า ล้อมรอบ
หินฑิเบต ผมจึงลืมตาขึ้นพักสายตาสักครู่ แล้วเพ่ง และหลับตาใหม่ ก็ได้ภาพเหมือนเดิม เมื่อตรวจสอบสีที่ได้แล้ว ก็คือ เขียว = เมตตา มหานิยม และ
ฟ้า = ค้าขายโชคดี ถึงบ้างอ้อ ครับ ต้องใช้ไฟช่วยนี่เอง ถึงจะมองเห็น
แสงออร่า แต่สำหรับวัตถุมงคลที่เข้ากรอบแล้ว ผมมองไม่เห็นสีครับ
และได้ทดลอง เม็ดลูกประคำสมเด็จ ผมเห็นแสงสีขาว มีสีทองล้อมรอบ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ก์คือ ขาว = เป็นสีที่สมดุล มักพบในผู้ที่เจริญสมาธิอยู่เสมอ แสดงว่าผู้เสกได้มีสมาธิสมาบัติชั้นสูง ทอง = สีของพลังจักรวาล พลังแห่งทิพย์ชั้นสูง ผู้ที่มีสีนี้พบได้น้อยมากในปัจจุบัน
ที่เล่ามาก็ขอย้ำนะครับว่า เป็นการทดลองฉบับลูกทุ่ง ทำเอง เห็นผลเอง โปรดคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนนะครับ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ
*********************************************
แถมครับ เป็นประสบการณ์การจับวัตถุมงคลของผม ขอนำมาเล่าเป็นบางส่วนแล้วกัน ผมได้นั่งสมาธิ นำมือซ้ายมาไว้ที่ตัก หงายฝ่ามือขึ้น มือขวาจับพระสมเด็จวัดพระแก้ว โดยใช้นิ้วชี้ กับนิ้วโป้งจับพระเครื่อง เพื่อจะรับกระแสที่นิ้ว
ว่าพลังพุทธคุณ จะออกมาในด้านใด ผมตั้งจิตเป็นสมาธิ ปรากฏว่าเมื่อขวาค่อยลอยขึ้นหมุนข้อศอกออกจากตัวไปข้างหน้าแล้วหมุนกลับ เอามือขวามาซ้อนมือซ้าย อ้าว ! เวรกรรมแล้วไหมละตั้งใจ จะจับพลังพระเครื่องจากฝ่ามือ แต่ไหงออกมาเป็นแนวนี้ เลยเกิดความคิดใหม่ นำเม็ดประคำสมเด็จโต
มาทดลองจับพลังด้วยท่านั่งสมาธิ ก็เกิดผลที่ได้รับเหมือนกันทุกประการ
คราวนี้ทดลองใหม่ นำพระสมเด็จหลวงพ่อขาว มาจับพลังด้วยท่านั่งสมาธิ
แต่คราวนี้มือขวาผมไม่หมุน แต่เกิดพลังที่ฝ่ามือที่จับพระแทน ผมเลยคิดเองว่า พระสมเด็จวัดพระแก้ว กับ เม็ดประคำสมเด็จโต ท่านที่ปลุกเสก อาจจะเป็นท่านเดียวกัน เพราะผลที่ได้ในการทดสอบเหมือนกัน และคลับคล้ายว่า ในหนังสือ ล. ก็เคยเขียนไว้ด้วยว่า ถ้าเป็นพระสมเด็จโตที่ท่านได้จัดสร้าง จะมีลักษณะ
วงแขนหมุนแบบที่ผมได้สัมผัสอยู่ อีกอย่างคงไม่ใช่อุปทานหรอกครับ เพราะคราวก่อนผมลองจับพลัง ตระกรุดมหายันต์คู่ในวิธีนี้ แต่ผลที่ได้คือ แขนผมชี้ไปบนฟ้าแทนครับ ไม่มีการหมุน แล้วไม่ยอมลงง่าย ๆ ถ้าเป็นอุปทานจริง ผลที่ได้ในครั้งหลัง ก็ต้องเหมือนในครั้งแรก คือมือชี้ฟ้าครับ แต่ผลที่ได้ออกมาต่างกัน คิดว่าคงเป็น เพราะพลังของวัตถุมงคลแน่นอน การใช้พลังของฝ่ามือ เมื่อผมใช้ฝ่ามือสองข้างจนคล่อง สามารถคลึงจนเกิดความรู้สึกบังคับให้เป็นลูกฟุตบอลได้แล้ว ผมเลยคิดแผลง ๆ ผลักพลังไปใส่จิ้งจก มันวิ่งหนีแล้วก็ร่วงลงมาครับ สงสัยคงสะดุดขาตัวเอง แล้วก็ร่วงมั่งครับ
การฝึกอำนาจทางจิต (ฝึกกับสุนัขที่บ้านครับ) บางครั้งก่อนลงจากบ้าน ผมจะเพ่งความรู้สึกที่ระหว่างคิ้ว ใส่ข้อมูลว่า ไอ้หมา เดี๋ยวกูลงไป กูจะเตะมึงทดลองฝึกบ่อย ๆเข้า พอลงไปข้างล่าง สุนัขเห็นตาผม ถึงกับวิ่งหนีไปหลบใต้โต๊ะเลย คราวนี้เปลี่ยนใหม่ ใส่ข้อมูลลงไปใหม่ว่ามานี่ ไอ้หมาเดี่ยวข้าจะพาเองไปเที่ยวนอกบ้านพอสุนัขเห็นตาผม มันกระโดดดีใจเลยที่จะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านทั้ง ๆ ที่การทดลองทั้งสองครั้ง ผมพยายามทำหน้าตาให้นิ่งที่สุด แต่ผลออกมากลับต่างกัน
ครับ ถือว่าเป็นสมาชิกด้วยกัน เลยเขียนมาให้อ่านเพื่อ คลายเครียด ขำ ขำ ครับ อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นผู้วิเศษจากไหน ผมเองนั่งสมาธิไม่เกินสามนาที สติก็หลุดแล้ว แต่อาศัยทำบ่อย ๆ แล้วน้อมจิตพุ่งพลังไปวัตถุมงคลที่ผมสัมผัส อย่างเต็มที่ พลังก็จะออกมาเองครับ
  
ที่มา : เวปพลังจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น